โลกยุคใหม่ที่เทคโนโลยีก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี การอ่านใบหน้าคน

ถึงวันนี้หลายคนคงได้ยินคำว่า เทคโนโลยี การอ่านใบหน้าคน บ่อยครั้งมากขึ้น เนื่องจากเป็นเครื่องมือการทำงานให้แก่หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐที่ต้องคำนึงถึงเรื่องความมั่นคงของประชากรโดยรวมมากเป็นพิเศษ ในประเทศที่เร่งพัฒนาเทคโนโลยีการอ่านใบหน้าคนและเริ่มนำไปใช้งานรุดหน้าประเทศอื่นก็คือ จีน ซึ่งได้เริ่มต้นศึกษาวิจัยเทคโนโลยีในด้านนี้อย่างจริงจังนับแต่ปี ค.ศ. 2017 เป็นต้นมา

เทคโนโลยี การอ่านใบหน้าคน

เทคโนโลยีการอ่านใบหน้าคน หรือการเรียนรู้เพื่อจดจำใบหน้าคน (Face Recognition) หมายถึง เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เรียนรู้และบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าของคน เช่น ลักษณะความกว้างของจมูก ตำแหน่งนัยน์ตา พื้นที่ผิวหน้า เป็นต้น แล้วนำข้อมูลเหล่านี้ป้อนเข้าระบบ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์หรือประมวลผลในขั้นตอนการทำงานอื่นๆ ตัวอย่างงานที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีนี้ก็คือ ระบบการรักษาความปลอดภัยนั่นเอง ซึ่งได้นำเทคโนโลยีนี้ไปรวมกันเข้ากับระบบสแกนใบหน้าเพื่อคัดกรองคน เช่น การเข้าออกในตัวอาคาร หรือการจัดทำระบบลงเวลาในการปฏิบัติงานหรือการเข้าเรียนของนักเรียนในสถานศึกษา

การอ่านใบหน้าคน

สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเวลานี้ก็คือ ทางการจีนพยายามใช้เทคโนโลยีการอ่านใบหน้าคนสำหรับการทำภารกิจต่างๆ ตั้งแต่การคัดแยกขยะในชุมชน โดยกำหนดให้ฝาถังขยะเปิดรับขยะจากคนที่เป็นสมาชิกในครัวเรือนนั้นจริงๆ เท่านั้น หรือใช้กับการจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน แทนการใช้ตั๋วหรือใช้คิวอาร์โค้ดบนสมาร์ทโฟน ซึ่งแต่ละวันในบางสถานีต้องรองรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการถึงห้าล้านครั้งเลยทีเดียว รวมถึงการนำไปใช้ในสถานศึกษาเพื่อตรวจตราพฤติกรรมของเด็กนักเรียน ซึ่งทำให้เกิดเสียงท้วงติงตามมาในเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวมากเกินไปด้วย  

เทคโนโลยีการอ่านใบหน้าคนไม่ได้เป็นที่พึงพอใจของใครไปเสียทั้งหมด เพราะคนบางกลุ่มในบางประเทศเช่นทางฝั่งสหรัฐอเมริกาก็เคยออกมาแสดงการคัดค้านนโยบายการใช้เทคโนโลยีนี้สำหรับผู้ชมคอนเสิร์ตมาแล้วเมื่อปลายปี 2019 จนทำให้สองยักษ์ใหญ่ในวงการจัดงานคอนเสิร์ตของสหรัฐฯถึงกับต้องล้มเลิกวิธีการนี้ไปก่อน  

การอ่านใบหน้าคน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตเทคโนโลยีอ่านใบหน้าคนก็ยังต้องมีบทบาทในวิถีชีวิตผู้คนบนโลกนี้ต่อไป เพราะถึงที่สุดแล้ว การชั่งใจระหว่างคุณประโยชน์ในการใช้งาน กับประเด็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวก็คงจะได้ข้อสรุปในสักวันหนึ่งตามนโยบายของแต่ละประเทศ

แต่ที่แน่ๆ ชาติมหามังกรจอมพลังอย่างจีนยังคงรุดหน้าไปพร้อมกับงานวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ตลอดเวลา เพราะล่าสุดมีบริษัทเอกชนของจีนที่กำลังทำวิจัยเพื่ออ่านใบหน้าลูกค้าโดยหวังผลทางการตลาดสำหรับการแข่งขันในโลกธุรกิจนั่นเอง 

อย่าลืมติดตาม ข่าวไอที 2020 และติดตามเทคโนโลยีEcho Dot และ Echo Show 10 ผลิตภัณฑ์ใหม่จาก Amazon

เพราะเทคโนโลยีมีแต่จะก้าวไปข้างหน้า ไม่มีวันหยุดพัฒนาเพื่อรอคุณ…!!!!