กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาในวงการเทคโนโลยี เมื่อทางเฟสบุ๊คได้ออกมาวิจารณ์ทางบริษัทแอปเปิ้ล หลังจากที่พวกเขาได้ปล่อย ฟีเจอร์ปิดการติดตาม ของผู้ใช้งานอุปกรณ์อย่างไอโฟนและไอแพดของตัวเองในการรับโฆษณาต่างๆ จนทำให้แพลทฟอร์มออนไลน์ชื่อดังได้ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายใหม่ของเฟสบุ๊คที่อาจปิดกั้นการทำธุรกิจขนาดเล็กต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้สื่อเพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับร้านค้าของตัวเขาแก่เหล่าลูกค้าที่อาจต้องการอยู่ในช่วงที่มีการกักตัวและไม่มีโอกาสได้เดินทางไปที่ต่างๆ นั่นเอง
หลังจากที่บริษัทแอปเปิ้ลได้ปล่อย ฟีเจอร์ปิดการติดตาม ออกมานั้นทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Facebook ออกมาแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ทว่าจากการรายงานของทางบัซฟีดนั้น พวกเขากลับมีการเปิดเผยว่าทางพนักงานของเฟสบุ๊คนั้นกลับไม่ได้คิดเข้าข้างฝั่งตัวเองเสียอย่างนั้น โดยพวกเขามองว่าบริษัทตัวเองกำลังทำหน้าที่เป็นพวกหลอกลวงอยู่ จากการที่พยายามฟ้องต่อบริษัทแอปเปิ้ลโดยการใช้ข้ออ้างถึงเหล่าบริษัทเล็กๆ ที่ร่วมงานกับพวกเขาบนสังคมออนไลน์มาเป็นโล่ป้องกันแทน นอกจากนี้ทางรองประธานอย่างแดน เลวี่เองก็ยังออกมายอมรับว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่ผิดแล้วใช้ความน่าสงสารมาเป็นข้ออ้างอีกด้วย จนเจ้าตัวเองก็รับไม่ได้เช่นกัน
ด้วยฟีเจอร์ใหม่จากระบบไอโอเอสนี้เองที่จะทำให้เฟสบุ๊คนั้นเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้ยากเช่นเดิม อีกทั้งการยิงโฆษณาของพวกเขาก็จะไม่ตรงตามความต้องการอย่างที่เคยเป็นอีกด้วย นอกจากนี้ยังน่าจะทำกำไรได้น้อยลงไปจากเดิมที่ปี 2020 พวกเขาสามารถได้เงินจากการซื้อโฆษณามากถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขจำนวนมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้รับมา เมื่อเทียบสถิติระหว่างตัวเลขทั้งสองปีนั้นปรากฏว่าทางบริษัทสังคมออนไลน์นี้สามารถทำเงินไปมากจากเดิมกว่า 26% หรือมากถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาลงของทางเฟสบุ๊คก็ว่าได้ เมื่อเจอกับนโยบายของทางบริษัทแอปเปิ้ลที่ทำให้ระบบธุรกิจของตัวเองจะต้องแย่ลงไปจากเดิม นอกจากนี้ยังมีเสียงสนับสนุนจากบริษัทตัวเองที่เข้าข้างทางบริษัทผลิตไอโฟนมากกว่าอีกด้วย จากคำแถลงที่ดูไม่น่าเชื่อถือของพวกเขาเองจนทำให้ทางบริษัทต้องเสียชื่อเสียงไปนั่นเอง
อย่าลืมติดตามข่าวเทคโนโลยี และเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น “แจ็ค ดอร์เซย์” ซีอีโอทวิตเตอร์ (Twitter) กับการเข้าซื้อกิจการไทดัล
เพราะเทคโนโลยีมีแต่จะก้าวไปข้างหน้า ไม่มีวันหยุดพัฒนาเพื่อรอคุณ…!!!!