จาก “พิมพ์ดีด” สู่ “คีย์บอร์ด” ในปัจจุบัน ตอนที่ 1

ในสมัยนี้หากพูดถึงคอมพิวเตอร์ มือถือ สมาร์ทโฟน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่หากกล่าวถึง “เครื่องพิมพ์ดีด” จะมีเด็กรุ่นใหม่สักกี่คนที่รู้จัก หรือเคยได้สัมผัสกับเครื่องพิมพ์ดีดของจริง หากเป็นเมื่อก่อน สมัยที่คอมพิวเตอร์หรือปริ้นเตอร์จะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ “พิมพ์ดีด” เป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ในสำนักงานที่จำเป็นและมีประโยชน์มาก เพราะช่วยพิมพ์ในเรื่องเอกสารที่ต้องการส่งให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าการเขียนด้วยมือ

แต่หากจะสืบหาประวัติจริงๆของเครื่องพิมพ์ดีด ที่เข้ามามีอิทธิพลมากก็คงเป็นเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 เพราะเมื่อสมัยนั้นมีหมอสอนศาสนาชาวอเมริกาชื่อว่า Edwin Hunter Macfarland มีตำแหน่งงานราชการเป็นเลขานุการ ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งมีตำแหน่งงานเป็นเสนาบดีกระทรวจธรรมการ มีความคิดที่จะทำเครื่องพิมพ์ดีดที่เป็นภาษาไทยขึ้นมาใช้บ้าง เพราะในตอนนั้นก็มีเครื่องพิมพ์ดีดที่เป็นภาษาอังกฤษออกมาให้ชาวต่างชาติใช้กันแล้ว Macfarland จึงเดินทางกลับไปยังอเมริกาเพื่อหาว่ามีบริษัทไหนที่สนใจหรือสามารถผลิตเครื่องพิมพ์ดีดที่เป็นภาษาไทยได้บ้าง และก็มีบริษัท Smith Premier สนใจที่จะผลิตให้ ในตอนนั้น Macfarland จึงว่าจ้างให้ Smith Premier ผลิตต้นแบบของเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยขึ้นมา โดยร่วมออกแบบในการวางตำแหน่งตัวอักษรที่จะใช้ในเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งในตอนนั้นพิมพ์ดีดจะเป็นแบบแคร่ตาย แคร่พิมพ์ไม่สามารถเลื่อนไปมาได้ และมีแป้นพิมพ์ทั้งหมด 7 แถว ไม่สามารถยกแป้นเพื่อใช้ตัวอักษาบนได้

และในปีถัดมา Macfarland จึงได้นำเครื่องพิมพ์ดีดที่เป็นภาษาไทยเครื่องแรกของโลกก็ว่าได้ มาถวายให้แก่รัชกาลที่ 5 โดยใช้ชื่อยี่ห้อตามบริษัทผู้ผลิตเลยว่า Smith Premier และในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้ทรงทดลองใช้งาน ลองพิมพ์ก็พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมาก จึงสั่งเครื่องพิมพ์ดีดแบบเดียวกันนี้เข้ามาอีกมากกว่า 10 ตัว เพื่อเข้ามาใช้ในงานราชกาลสมัยนั้น นี่จึงเป็นที่มาของเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยในตอนแรก และหลังจากนั้นก็มีการพัฒนาเครื่องพิมพ์ดีดมาเรื่อยๆ จากที่ไม่สามารถเลื่อนแคร่และยกแป้นได้ก็พัฒนาให้สามารถเลื่อนแคร่และยกแป้นได้ และพัฒนาต่อมาเรื่อยๆจนกลายเป็นพิมพ์ดีดไฟฟ้า

แต่หลังจากนั้นเทคโนโลยีก็ก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ การใช้เครื่องพิมพ์ดีดก็ค่อยลดลง พร้อมกันเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มากขึ้น แต่ก็ยังใช้ควบคู่กันมาเรื่อยๆ แต่เอาเข้าจริงๆตอนที่รู้สึกตัวว่าเครื่องพิมพ์ดีดค่อยๆหายไปจากหน่วยงานราชการหรือบริษัทห้างร้านต่างๆ ก็คงจะเป็นตอนที่เครื่องปริ้นเตอร์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพราะเมื่อเราใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์เอกสาร เราสามารถเซฟและกลับมาแก้ไขได้ทุกเมื่อ ได้ทุกจุด ไม่เหมือนพิมพ์ดีดที่ต้องลบเพื่อพิมพ์ใหม่ หรืออาจจะต้องพิมพ์ใหม่ทั้หมดกรณีเป็นเอกสารสำคัญที่ไม่สามารถลบได้ ดังนั้นเมื่อปริ้นเตอร์ราคาถูกลง การเติมหมึกไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งตลับ ในช่วงเวลานี้ เครื่องพิมพ์ดีดก็ไม่จำเป็นต่อหน่วยงานอีกต่อไป

ในตอนต่อไปเราจะมาเล่าถึงช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการเลิกใช้งานพิมพ์ดีดไปใช้งานคอมพิวเตอร์แบบเต็มตัวว่าเป็นอย่างไรกันนะคะ พร้อมทั้งจะบอกข้อดีว่าหากคุณเคยใช้พิมพ์ดีด มาก่อนที่จะมาใช้คอมพิวเตอร์มันดียังไง..???